Deaerator Part I
Non condensable gas แปลตรงตัวภาษาไทย คือ ก๊าซที่ไม่สามารถควบแน่นได้ (หรือ ก๊าซที่ไม่สามารถรวมตัวกันได้ ***อย่างหลัง ผู้เขียน definition เองครับ) โดยที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ว่าในระบบ steam หรือ ระบบไอน้ำของเราจะมีอากาศ เข้ามาผสมปะปน และในอากาศ มีส่วนผสม by volume ของ non condensable gas ตามที่เราเรียนกันมา แต่ไหนแต่ไร นั่นก็หมายความว่า ในระบบ steam หรือระบบไอน้ำของพวกเรา มี non condensable gas ไหล/ผสม/ปะปน ไปกับไอน้ำนั่นเอง
พิจารณา ส่วนผสมของอากาศ ที่ความดันบรรยากาศ โดยปริมาตร(by volume) : 78% Nitrogen, 20.9% Oxygen, 0.93 Argon, 0.04 Carbon dioxide และก๊าซอื่นๆผสมอีกเล็กน้อย
ประเด็นคือ non condensable gas เหล่านี้ จะมีความสามารถในการละลาย หรือ solubility ในทางเคมี ที่พร้อมที่จะเข้าไปยังระบบ feed water ของพวกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง oxygen ที่มี solubility สูงกว่า Nitrogen ถึงสองเท่าโดยประมาณ และที่หนักกว่า คือ carbon dioxide จะมี solubility ที่สูงกว่า oxygen มากกว่า 30 เท่า นั่นจึงหมายความได้ว่า หากมีโจทย์ข้อใดข้อหนึ่งตั้งคำถาม ว่าใน feed water ของระบบหม้อไอน้ำ จะมีก๊าซใดที่สามารถผสม ปนเป อยู่เป็นจำนวนมาก คำตอบที่ได้จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมี 2 ตัวนี้เป็นหลักของ non condensable gas ในระบบที่เรากำลังพิจารณาต่อไปนี้นั่นเอง
และอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อเรามี non condensable gas อยู่ในน้ำที่เข้าไปยังระบบของหม้อไอน้ำเรา(จริงๆต้องใช้คำว่าส่วนผสม/ส่วนที่ละลาย/Dissolve) อยู่ในน้ำป้อน feed water เข้าหม้อไอน้ำ มาดูสมการเคมี ของทฤษฎีพื้นฐานนี้กันครับ โดยที่เราจะ focus ไปที่ O2 และ CO2 เนื่องจากตัวแสบทั้งคู่ สามารถที่จะเข้ามา เพื่อผสม, ละลายในน้ำไม่ว่าจะมาจาก Make up water หรือขณะอยู่ใน Feed Tank แม้กระทั่ง condensate ที่วน loop กลับมา รวมถึงการเสื่อมสภาพของเคมีที่เกิดขึ้นในน้ำ ดังนั้นเมื่อ non condensable gas เข้าสู่ระบบ ขณะที่น้ำเดือด ก๊าซเหล่านี้จะติดไปกับน้ำด้วย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…และแน่นอนว่า ผลที่ตามมาก็คือ สมการเคมีต่อจากนี้
*** ขณะนี้ เรากำลังพิจารณา Chemical reaction ที่เกิดขึ้นกับ feed water
กรณีของ Oxygen 4Fe + 6H2O + 3O2 = 4Fe (OH)3 เหล็ก + น้ำ + Oxygen = Ferric hydroxide ผลลัพธ์คือ oxygen pitting กรณีของ Carbon dioxide (หากอยู่ในน้ำ จะ form ตัวอยู่ในรูปแบบของ Carbonic acid) Fe + 2H2CO3 = Fe (HCO3)2 + H2 เหล็ก + carbonic acid = Ferrous bicarbonate + hydrogen ผลลัพธ์ กรณี carbon dioxide คือ corrosion เป็นไปในทางเดียวกันกับกรณีของ oxygen (เกิด oxygen pitting) ทั้งคู่เลย โดยจากการทดลองของนักเคมี(เค้าวิเคราะห์มาแล้ว พวกเราไม่ต้องไปทดลองเองนะ) พบว่า ปฏิกิริยาเคมีด้านบนทั้งคู่เนี่ย(ทั้ง Oxygen pitting และ Ferrous bicarbonate) จะเกิดเร็วขึ้น หาก pH ยิ่งต่ำกว่า 6.0 ลงไป(เหมือนเร่ง ปฏิกิริยา corrosion ยิ่งเกิดเร็วขึ้น ชิ้นส่วนทางกล ทางด้านสัมผัสน้ำของหม้อไอน้ำเรา ก็จะยิ่งบรรลัยเร็วขึ้น ว่าอย่างนั้น)-ดังนั้น วันนี้ ท่านสุ่มตรวจดู pH น้ำป้อน ท่านหรือยังครับ มันบอกอะไรได้หลายอย่าง |
Deaerator ที่พวกเราคุ้นเคย
บทสรุปที่เกี่ยวข้อง หน้าที่ของ Deaerator
1. ขจัด หรือ กำจัด non condensable gas ออกไป เพื่อช่วยในเรื่อง corrosion 2. ช่วยในเรื่อง Thermal efficiency ที่เกิดขึ้นจากการ preheat น้ำได้ 3. สามารถทำตัวเป็น feed water storage tank ได้ (ผลพลอยได้) 4. ช่วยเรื่อง NPSHr สำหรับ boiler feed pump (ผลพลอยได้) |
Question : ทีนี้จะทำอย่างไรล่ะ ไม่ให้มันเกิด corrosion ล่ะครับ หรือถ้าจะเกิด ก็ให้มันเกิดน้อยที่สุด (จะได้ยืดอายุการใช้งานมันไป)จากตัวแปรที่มีอยู่ เท่าที่มีด้านบนนี้ นี่ล่ะประเด็นที่เราต้องคุยกัน
Answer : ก็เอาบรรดา Oxygen และบรรดา Carbon dioxide ออกจาก feed water สิครับ เพราะ mechanism การกัดกร่อน key มันมาจาก 2 ตัวนี้ ก็ต้องเอามันออกไป ตอบแบบง่ายที่สุด…ถูกต้องนะครับ แล้วเอาออกอย่างไร…หลังจากที่ สมการเคมี ที่เขียนมาทั้งหมดข้างบนนั้น นักเคมี วิเคราะห์มาให้พวกเราเรียบร้อยแล้ว
Henry’s Law หรือ กฎของเฮนรี่ (ชื่อเต็มคือ Mr. William Henry) นักเคมีชาวอังกฤษ กล่าวเอาไว้อย่างน่าสนใจ เกี่ยวกับ solubility ของก๊าซ ที่เป็น function ของความดัน และ อุณหภูมิ ดังนี้
- Solubility หรือ ความสามารถในการละลาย ของก๊าซ ในของเหลวใดๆ จะแปรผันตรงกับ partial pressure เสมอ กล่าวคือ ถ้าเราทำการลด partial pressure ของของเหลวใดๆลงมา นั่นจะเป็นผลให้ ก๊าซสามารถ solute ได้น้อยลง นั่นหมายถึง ส่วนของก๊าซที่ไม่ dissolved นั้น ก็จะหลุดออกไปจากของเหลวนั้นๆ
- และในทางเดียวกัน เมื่ออุณหภูมิ ของของเหลวใดๆ เพิ่มมากขึ้น ความสามารถในการละลาย ของก๊าซก็จะลดลงตาม ส่วนของก๊าซที่ไม่ dissolved นั้น ก็จะหลุดออกไปจากของเหลวนั้นๆ
Deaerator Thermodynamics
1.Inlet steam : เฮนรี่ กล่าวกับพวกเราว่า การลด partial pressure ของของเหลวใดๆลงมา นั่นจะเป็นผลให้ ก๊าซสามารถ solute ได้น้อยลง นั่นหมายถึง ส่วนของก๊าซที่ไม่ dissolved นั้น ก็จะหลุดออกไป มันคือสมบัติของก๊าซ นั่นคือ มันจะ move ตัวมัน จากสถานที่ ที่ partial pressure สูง ไปยัง สถานที่ที่ partial pressure ต่ำ (ดังนั้นในสภาวะปกติ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัด O2 ออกจาก feed water เพราะ partial pressure O2 ในอากาศมีค่ามาก-21% by volume เมื่อเปรียบเทียบกับ partial pressure ของ O2 ที่อยู่ในน้ำ) เพราฉะนั้น พวกเราจึงทำยังไงก็ได้ ให้ partial pressure ของ O2 ที่มันอยู่ใน feed water มีค่าเพิ่มขึ้น < --- ด้วยการ heat มัน ด้วย Inlet steam
2.Inlet water : น้ำเข้า deaerator จะเข้ามาจากกี่แหล่ง/เข้ามากี่ท่อก็ได้ เข้ามาจาก make up, เข้ามาจาก condensate เพื่อเตรียมตัวเข้ากระบวนการ deaeration ทางด้านในระบบ โดยกระบวนการที่เกิดขึ้นคือ Inlet water เมื่อเข้าสู่ภายใน deaerator จะถูก heated (หรือถูกแลกเปลี่ยนความร้อน) กับ steam ที่มาทาง inlet steam โดยกระบวนการแลกเปลี่ยนความร้อนที่เกิดขึ้น จะเป็นการแลกเปลี่ยนความร้อนโดยตรงระหว่าง water + steam หรือ direct contact(อย่างตัวอย่างในรูปที่พวกเราเห็น steam ก็จะถูกฉีดออกมาเป็นฝอย/เป็น spray ตามท่อก้างปลาที่เห็น สัมผัสกับ inlet water โดยตรง-ดังนั้น ในบางตำราภาษาอังกฤษ ทางด้าน thermodynamics พวกเรามักจะเจอคำว่า direct contact heater ซึ่งนั่นก็คือ deaerator ในระบบหม้อไอน้ำนั่นเอง ตัวเดียวกันนะครับ หลักการเดียวกันเลย) เมื่อน้ำได้รับความร้อน อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นจะส่งผล partial pressure เพิ่มมากขึ้น ถูกต้องหรือไม่ครับ
ตัดกลับมาสู่การแลกเปลี่ยนความร้อนที่เกิดขึ้นของตัว direct contact heater คำถามคือแลกเปลี่ยนความร้อนนานไหม หรือ Heat นานไหม คำตอบที่ได้คือ heated จนกระทั่ง ก๊าซไม่พึงประสงค์(non condensable gas) หรือพวก corrosive gas ของพวกเรา ได้เริ่มถูกขับออกไปนั่นเอง-เพราะนี่คือจุดประสงค์ของพวกเรา
โดยที่ จุดเริ่มต้นของ deaeration process – ในกรณีทั่วไป deaeration temp จะเริ่มต้นที่ 180 F(82.2 degree C) แล้วจะไปสิ้นสุดที่ 225 F(107.2 degree C) โดยประมาณ หรือสามารถกล่าวได้ว่า heated จนกระทั่ง ถึง saturation temperature หรือ full sat temp ของน้ำ เพื่อการันตี ว่าก๊าซไม่พึงประสงค์ เป็น 0 แน่นอน ก็ไม่ผิดกติกาแต่ประการใด ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงนี้
ตัดกลับมาสู่การแลกเปลี่ยนความร้อนที่เกิดขึ้นของตัว direct contact heater คำถามคือแลกเปลี่ยนความร้อนนานไหม หรือ Heat นานไหม คำตอบที่ได้คือ heated จนกระทั่ง ก๊าซไม่พึงประสงค์(non condensable gas) หรือพวก corrosive gas ของพวกเรา ได้เริ่มถูกขับออกไปนั่นเอง-เพราะนี่คือจุดประสงค์ของพวกเรา
โดยที่ จุดเริ่มต้นของ deaeration process – ในกรณีทั่วไป deaeration temp จะเริ่มต้นที่ 180 F(82.2 degree C) แล้วจะไปสิ้นสุดที่ 225 F(107.2 degree C) โดยประมาณ หรือสามารถกล่าวได้ว่า heated จนกระทั่ง ถึง saturation temperature หรือ full sat temp ของน้ำ เพื่อการันตี ว่าก๊าซไม่พึงประสงค์ เป็น 0 แน่นอน ก็ไม่ผิดกติกาแต่ประการใด ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงนี้
พิจารณา Full saturation temperature ที่เกิดขึ้น จากตาราง Thermodynamics
|
1 PSIG Full sat temp ที่ 215.4 F หรือ 101.8 degree C 2 PSIG Full sat temp ที่ 218.5 F หรือ 103.6 degree C 3 PSIG Full sat temp ที่ 221.5 F หรือ 105.3 degree C 4 PSIG Full sat temp ที่ 224.5 F หรือ 106.9 degree C 5 PSIG Full sat temp ที่ 227.4 F หรือ 108.5 degree C 10 PSIG Full sat temp ที่ 239.4 F หรือ 115.2 degree C 15 PSIG Full sat temp ที่ 249.8 F หรือ 121 degree C |
พวกเราเห็นอะไร หรือไม่/อย่างไรครับ จากตารางด้านบน พิจารณาจะพบว่า หาก deaeration process มันจะสมบูรณ์ได้ที่ 225 F(107.2 degree C) นั่นก็ต่อเมื่อ inlet steam เราต้อง supply ให้ deaerator ที่ความดัน ที่ต่ำที่สุด 5 PSIG ใน deaerator เพื่อที่จะการันตีว่า non condensable gas มันถูก drive, ถูกขับ ออกแล้วนะ, concentration ไม่เหลือแล้วนะ นี่คือเหตุผล ทำไมพวกเราต้องเรียนวิชา thermodynamic
ทีนี้ถามต่อไปว่า ถ้าใน deaerator ผมอยากจะ supply ให้ได้ 10 PSIG หรือ 15 PSIG ได้หรือไม่ครับ คำตอบคือได้สิครับ ไม่ผิดกติกาแต่ประการใด ท่านจะ supply ไปที่ 20 PSIG ก็ไม่มีใครว่าอะไร เพราะมันเกิน limit ของเส้น Full sat temp 225 F(107.2 degree C) ไปเรียบร้อยแล้วนั่นเอง อย่าลืมว่า แรงดัน ที่สูงขึ้น ย่อมหมายความถึง flow steam ท่านก็มากขึ้นตาม, vent ท่านก็ต้องมากขึ้นตาม รวมไปถึงการออกแบบระบบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น mechanic ทางด้านในตัว deaerator รับไหว/ไม่ไหว ท่านต้องมา re-calculate อีกครั้งตามความเหมาะสมด้วยครับ ดังนั้น อย่าพยายามเปลี่ยน design ถ้าไม่จำเป็น หรือหากมีความจำเป็น ต้องลักไก่ระบบ(ถ้าจำเป็นนะ) ปรึกษาวิศวกรก่อนสักนิดครับ
3.Vent : ภายหลังกระบวนการ deaeration process เสร็จสิ้น corrosive gas ของพวกเรา จะถูกขับออกจากน้ำ และออกสู่ด้านนอก พร้อมกับ steam บางส่วน ภายใต้แรงดันของ steam ใน deaerator ออกมาทาง vent นั่นเอง (ออกเยอะ/ไม่เยอะ โดยทั่วไป อยู่ที่ 5% ถึงไม่เกิน 15% max –ขึ้นกับการออกแบบ steam แต่ละระบบ ผู้เขียนจะขอต่อภาค 2
4.Feed water : จะถูกเก็บไว้ใน feed tank เพื่อเตรียม supply เข้าระบบ feed water ในลำดับถัดไป บาง design พวกเราก็จะเห็น feed tank กับ deaerator อยู่ติดกัน/เป็น part เดียวกัน และ ในบาง design พวกเราก็จะพบเห็น feed tank อยู่แยกส่วนกับ deaerator แบบไหนก็ได้ครับ เหมือนกัน ไม่ผิดกติกาประการใด แต่โดยลักษณะส่วนใหญ่แล้ว พวกเราจะสังเกตเห็น feed tank/deaerator ตำแหน่งจะอยู่เหนือ/สูงกว่า boiler feed pump ทั้งนี้เพื่อช่วยทางด้าน NPSHr ของระบบอีกทางหนึ่งนั่นเองครับ
4.Feed water : จะถูกเก็บไว้ใน feed tank เพื่อเตรียม supply เข้าระบบ feed water ในลำดับถัดไป บาง design พวกเราก็จะเห็น feed tank กับ deaerator อยู่ติดกัน/เป็น part เดียวกัน และ ในบาง design พวกเราก็จะพบเห็น feed tank อยู่แยกส่วนกับ deaerator แบบไหนก็ได้ครับ เหมือนกัน ไม่ผิดกติกาประการใด แต่โดยลักษณะส่วนใหญ่แล้ว พวกเราจะสังเกตเห็น feed tank/deaerator ตำแหน่งจะอยู่เหนือ/สูงกว่า boiler feed pump ทั้งนี้เพื่อช่วยทางด้าน NPSHr ของระบบอีกทางหนึ่งนั่นเองครับ
Deaerator Case Study (กรณีศึกษา)
ยกตัวอย่าง Case study สัก 1 งานครับ เกี่ยวกับ Deaerator เป็นงานว่าจ้าง งานที่ปรึกษาของผู้เขียนเอง โดยงานนี้ ครั้งแรกที่สนทนาทางโทรศัพท์ กับทางผู้ประกอบการ เราเองแปลกใจเล็กน้อย ข้อมูลหรือ information ที่ได้เบื้องต้น คือ ทางผู้ประกอบการ ต้องการที่จะเปลี่ยน deaerator/ ประสิทธิภาพมันตก/ มันไม่ไหวหรือเปล่า…ประมาณนี้ อยากให้มาช่วยเป็นที่ปรึกษางานนี้หน่อย อยากจะเปลี่ยนใหม่ จะใช้ขนาดไหนดี bla bla bla ประมาณนั้น ทางผู้เขียนจึงสอบถามกลับไป ถึง information เบื้องต้น อาการเบื้องต้น เหมือนคนไม่สบายก็ต้องไปหาหมอ นี่ deaerator ไม่สบาย ก็ต้องมาหานายช่าง เหมือนกัน
รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย กับข้อมูลที่ได้รับกลับมา กับอาการที่ deaerator ประสิทธิภาพมันตก อยากจะเปลี่ยนใหม่(ทั้งชุดนี่แพงนะครับ) อายุการใช้งานนับได้ 9 ปี ยังไม่ถึง 10 ปีดี มันไม่พังง่ายนะ/น้ำก็ ok / operator ก็ ok/ การออกแบบระบบ ก็ ok ถูกต้อง เท่าที่ดู(เส้นผม บังภูเขาหรือเปล่า-ผู้เขียนนึกในใจ)
ทางผู้ประกอบการ ก็ยืนยัน ว่าประสิทธิภาพมันตกครับ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราทำการตรวจสอบหม้อไอน้ำ พบว่าในช่วง ปีกว่าๆ ที่ผ่านมาล่าสุด ฝั่งสัมผัสน้ำ มี corrosion ค่อนข้างเยอะ pitting เพิ่มขึ้น อย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับ 6-7 ปีแรก ว่าอย่างนั้น ทั้งๆที่เงื่อนไขการทำงานของหม้อไอน้ำเท่าเดิม, condition การ operate เท่าเดิม, การใช้ steam คงที่, pH น้ำ ไม่เพี้ยนแน่นอน ผู้ประกอบการยืนยัน jackpot เลยมาตกที่ deaerator เป็นผู้ต้องสงสัย ว่าอย่างนั้น |
Deaerator ตัวที่เป็น case study
|
และเมื่อเรา เข้าถึงโรงงาน ผู้เขียนก็เดิน ทำมึนๆไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ได้บอกผู้ประกอบการล่วงหน้า ว่าจะมาด้วย เพราะยังลังเล กับ condition ที่ได้รับ เลยสุ่มเข้ามาดีกว่า ได้ดูหน้างานจริง operate จริง โดยคำตอบที่เราได้จากหน้างานจริง คือ
Deaerator กำลัง operate อยู่ที่ 88 'C(190 degree F) ที่ 0.5 BARG(7 PSI) นี่คือ คำตอบ หมดกัน Deaerator ที่รัก
1.จุดเริ่มต้น ของ deaeration temp จะอยู่ที่ 180 degree F หรือ 82.2 'C ในขณะที่ ของจริง operated ที่ 88 'C(190 degree F) มันเพิ่งจะเริ่ม start/ มันเพิ่งจะเริ่มกระบวนการ/ concentration ของ non condensable gas มันเพิ่งจะลดลง ยังไม่เยอะ ถามว่าลงไหม…ลง แต่ลงแบบไม่เห็นผลว่างั้น
2.ที่ 0.5 BARG(7 PSI) พวกเราจะได้ที่ Full sat temp เท่าไหร่ครับ ช่วยผมเปิดตาราง thermodynamic จะได้ ที่ 232 degree F หรือ 111 'C คือ ถ้า keep ไว้ที่ 111 'C บวก ลบ นิดหน่อยได้ นี่การันตีแน่นอน เพราะทางทฤษฎี จุด peak ของ deaeration temp จะอยู่ที่ 225 degree F หรือ 107.2 'C โดยประมาณ
คิดเลขกลมๆ 107 – 88 = 19 degree C ที่หายไป จึงเป็นสาเหตุ ที่ไม่สามารถ scrubb เจ้าพวก non condensable gas ออกได้หมด ที่นี้ก็ต้องมาไล่ตัวแปรต่อล่ะ ว่ามันหายไปไหน ? หายเยอะนะ 19 degree C ไปไหน? มาหาสาเหตุกันต่อ มีไม่กี่สาเหตุ ที่ทำให้ temp มันตกไปได้ถึงเพียงนี้
2.ที่ 0.5 BARG(7 PSI) พวกเราจะได้ที่ Full sat temp เท่าไหร่ครับ ช่วยผมเปิดตาราง thermodynamic จะได้ ที่ 232 degree F หรือ 111 'C คือ ถ้า keep ไว้ที่ 111 'C บวก ลบ นิดหน่อยได้ นี่การันตีแน่นอน เพราะทางทฤษฎี จุด peak ของ deaeration temp จะอยู่ที่ 225 degree F หรือ 107.2 'C โดยประมาณ
คิดเลขกลมๆ 107 – 88 = 19 degree C ที่หายไป จึงเป็นสาเหตุ ที่ไม่สามารถ scrubb เจ้าพวก non condensable gas ออกได้หมด ที่นี้ก็ต้องมาไล่ตัวแปรต่อล่ะ ว่ามันหายไปไหน ? หายเยอะนะ 19 degree C ไปไหน? มาหาสาเหตุกันต่อ มีไม่กี่สาเหตุ ที่ทำให้ temp มันตกไปได้ถึงเพียงนี้
1.หัว spray nozzle ด้านใน ?
2.อากาศ แอบเข้า deaerator? 3.load จาก Boiler ที่มากเกินไป? 4.Overflow ที่ตัว deaerator? 5.Control valve |
- แตกหักหรือไม่ หรือ ผิดที่การออกแบบ
- แตกหักนี่ต้องเปิด deaerator ออกมาดู ยังตอบไม่ได้ - การออกแบบ ต้องมา recalculate อีกที ยังตอบไม่ได้ - หยุดเครื่อง สัก 5 นาที ปิดวาลว์ทุกตัว เป็น control volume ดูแรงดัน - แรงดันไม่ตก ไม่มีจุดรั่ว อากาศด้านนอกเข้าไม่ได้ ตัดทิ้งอีก - นี่ก็ไม่ใช่ ตัดทิ้งเลย ขณะที่ตรวจสอบ Boiler เดินเครื่องอยู่ลูกเดียว - ระดับน้ำที่ตัว deaerator อยู่ในระดับปกติ ตัดทิ้ง - เปิดทางออก overflow ไม่พบน้ำล้นใดๆอีก ตัดทิ้งอีก - ทำงานหรือไม่ คำตอบคือ ยังทำงานอยู่ - ปิด control valve(ปิด auto) แล้วเปิด by pass แทน(เพื่อดู temp) ผลคือ temp เพิ่มครับ จบเกมเลย Control valve ผิดปกติ นั่นเอง |
จบครับ ปิด scope งานที่ปรึกษาสำหรับกรณีนี้เลย control valve ทำงานผิดปกติ หรือ พูดง่ายๆคือ เสียนั่นเอง (ทำงานไม่ถูกต้องนั่นเอง จะเสียด้วยสาเหตุอะไร สัญญาณทางไฟฟ้าเสีย หรือ ทาง mechanic เสีย มันก็คือเสีย มันก็คือต้นเหตุกรณีนี้ ที่ทำให้ deaeration temperature หายไป 19 degree C ส่งผลให้ความสามารถในการทำงานของ deaerator ไม่สามารถกำจัด non condensable gas ได้) ส่วนใน component อื่นๆ รวมถึงการตรวจสอบ deaerator ใน part อื่นๆ วิศวกรลงความเห็น ว่าในการตรวจสอบประจำปีครั้งต่อไป ให้ทำการ เปิด deaerator เพื่อทำการตรวจสอบภายในอีกครั้งด้วยครับ ยังไม่ต้องเปลี่ยน deaerator ทั้งชุด ทั้งระบบ นะครับ มันยังไม่พัง ท่านเปลี่ยน control valve ตัวเดียว…ผู้ประกอบการ แฮปปี้สิครับ แบบนี้ Deaerator ตัวนี้ ยังอยู่กับเราอีกนานครับ ณัฐพงศ์ ไชยสิทธิ์
วุฒิวิศวกรเครื่องกล วก.958 |
ด้วยจรรยาบรรณ ผมไม่สามารถบอกยี่ห้อ control valve ตัวนี้ได้
|