Vessel Head หรือ หัวถัง
Flat head : ตามชื่อเรียก ตรงๆตัว ไม่มีอะไรซับซ้อน สำหรับหัวถังประเภทนี้ หน้าตาก็ตามชื่อเรียก คือ หัวตัดตรง หรือ หัวเรียบตรง ประมาณนั้นครับ ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า flat head จะค่อนข้างไม่เป็นที่นิยม ในการออกแบบ pressure vessel เสียเท่าไหร่ เนื่องจากความสามารถในการรับแรง ในการออกแบบ ของหัวถังประเภทนี้ ค่อนข้างน้อย (โดยทั่วไป ส่วนตัวที่พบเจอมา หากแรงดันเกิน 5 kg/cm2 ไม่แนะนำครับ) จึงเหมาะกับ ภาชนะที่รับแรงดันต่ำ เช่น รับแรงดันเฉพาะ จาก static head ในตัวกลางที่บรรจุ เป็นต้น
Conical head : Conic หรือ Cone มารวมกับ Head จึงกลายเป็น Conical head หรือ หัวถังแบบโคน หัวถังทรงโคน (ภาษาไทย เรียก แบบกรวย, หัวถังทรงกรวย ก็ไม่ผิดกติกานะพวกเรา) โดยหากพวกเรา อ่าน ASME code บ่อยๆ หัวถังแบบ conical head จะจัดอยู่ในประเภท ความสามารถในการรับแรงดันในส่วนผิวโค้งนูน(ทางด้าน ลบ-หรือ ด้านตรงข้ามผิวโค้งนูน) ใน ASME code จะพบบ่อยครับว่า pressure on the convex side (minus head) โดยแน่นอนว่าความสามารถในการรับแรงดัน พิจารณาหากความหนาเดียวกัน conical head เมื่อเทียบกับ flat head แน่นอนว่า ดีกว่า/แข็งแรงกว่า ค่อนข้าง make sense นะพวกเรา เพราะอะไร เพราะสาเหตุหลัก คือ stress ที่มากระทำ ไม่ใช่แนว หรือ มุมตั้งฉาก เหมือน flat head นั่นเอง
|
Geometry ของ conical head : พวกเราเปิด ASME code ประกอบการอ่านครับ
|
อย่างไรก็ตามแต่ conical head ความสามารถในการรับแรง ยังคงไม่นิยม สำหรับการออกแบบที่แรงดันมาก (มากแค่ไหน ส่วนตัวผู้เขียน เท่าที่พบเจอ ต่ำกว่า < 10 kg/cm2 ครับ) สำหรับ conical head โดยส่วนใหญ่ที่พบ ประโยชน์ของ conical head เรามักจะออกแบบให้อยู่ใน vessel ประเภท vertical type เพื่อให้ง่ายต่อการ drain ของสิ่งสกปรก ของตะกอน, สนิม, ตะกรัน รวมถึง เศษสิ่งไม่พึงประสงค์ต่างๆ ที่สามารถตกค้าง หรือ หลุดเข้าไปด้านในถังได้ครับ (ที่พบเห็น ส่วนใหญ่ เรามักจะพบ nozzle ต่ออกมา ในส่วนปลายสุด conic นั่นเอง)
การออกแบบ conical head ก็มีกำหนด เอาไว้ใน ASME Code นะพวกเรา อย่างที่พวกเราต้องเน้นย้ำกันบ่อยๆ เลยก็คือ มุม apex หรือ มุมแหลมของกรวย(เมื่อเรามองในภาคตัดขวาง) ตรงนี้ ASME Code กำหนดไว้ชัดเจนว่า ครึ่งหนึ่งของมุม apex นั้นต้องห้ามเกิน 60 องศา (ในที่นี้ คือ มุม alfa ตามภาพประกอบครับ)
การออกแบบ conical head ก็มีกำหนด เอาไว้ใน ASME Code นะพวกเรา อย่างที่พวกเราต้องเน้นย้ำกันบ่อยๆ เลยก็คือ มุม apex หรือ มุมแหลมของกรวย(เมื่อเรามองในภาคตัดขวาง) ตรงนี้ ASME Code กำหนดไว้ชัดเจนว่า ครึ่งหนึ่งของมุม apex นั้นต้องห้ามเกิน 60 องศา (ในที่นี้ คือ มุม alfa ตามภาพประกอบครับ)
Ellipsoidal head : เมื่อพูดถึง torispherical head ต้องพูดถึง ellipsoidal head อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะด้วยรูปทรง ที่ผิวเผินคล้ายคลึงกัน (มองด้วยสายตาเปล่า ในระยะ 100 เมตร อาจมีความผิดพลาดในการจำแนก) เรามักจะพบเจอคำถามบ่อยๆ ถึงหลักเกณฑ์การจำแนก แบ่งอย่างไร มองอย่างไร ให้ชัดเจน สำหรับหัวถังประเภท ellipsoidal head นี้ กล่าวคือ
2:1 ellipsoidal head หรือ semi ellipse: DH = (1/4) Di
|
Ellipsoidal head : หรือ พวกเราจะคุ้นเคยกันในแบบ semi-elliptical หรือ 2:1 ellipsoidal จะประกอบไปด้วย part ที่เป็นส่วนโค้งของวงรี 2 ส่วนมาประกอบอยู่ด้วยกัน คือ ส่วนของ minor axis (แกนรอง) และ major axis (แกนหลัก) โดยสิ่งที่น่าสนใจ ที่ ASME code กำหนดให้ คือ
- ความสูง(อาจจะเรียกว่าความลึก ก็ไม่ผิด) ในส่วนของ head (ในภาพจะเป็นระยะ DH) จินตนาการภาพรวม ตรงนี้จะเป็นแกน minor axis โดยระยะ DH(ครึ่งหนึ่งของ minor axis) จะมีค่าเท่ากับ 1 ใน 4 ของ inside diameter ในส่วน skirt (ในรูปจะเป็นส่วนที่เป็นระยะ SF) - หรือ กล่าวโดยที่มาที่ไปคือ minor axis จะเป็น ครึ่งหนึ่งของ major axis จึงเป็นที่มาที่ไป ของคำว่า 2:1 - Knuckle radius 0.17 D Spherical crown radius 0.9 D |
แล้วมันจะมีทำไม ให้พวกเราปวดหัวอีกแล้วครับนายช่าง ระหว่าง torispherical head กับ ellipsoidal head หน้าตามันก็คล้ายๆกันอีก แบบนี้สิ่งที่เราต้องนำมาพิจารณา ในลำดับต่อไปคืออะไรครับ ในการพิจารณาออกแบบ หัวถัง ระหว่างเจ้าหัวถัง 2 ประเภท (torisphere กับ ellipdoidal) พอจะมีคำแนะนำหรือไม่ หลายท่านสอบถามเข้ามา เป็นคำถามที่พบบ่อย
จริงๆ ไม่มีคำตอบที่ตายตัว หรือ exactly สำหรับกรณีนี้ โดยทั่วไปสำหรับการออกแบบ ในภาชนะรับแรงดัน หากพวกเราพิจารณาถึง ความสามารถในการรับแรงเป็นหลัก ลองพิจารณาลักษณะทางกายภาพ ของ head type ทั้ง 2 แบบนี้กันครับ
จริงๆ ไม่มีคำตอบที่ตายตัว หรือ exactly สำหรับกรณีนี้ โดยทั่วไปสำหรับการออกแบบ ในภาชนะรับแรงดัน หากพวกเราพิจารณาถึง ความสามารถในการรับแรงเป็นหลัก ลองพิจารณาลักษณะทางกายภาพ ของ head type ทั้ง 2 แบบนี้กันครับ
Ellipsoidal head จะมีส่วนของ knuckle radius ที่ 0.17D ในขณะที่ torispherical ส่วนของ knuckle จะอยู่ที่ 0.06D ดังนั้น จะเห็นได้ชัดทางกายภาพว่า ระยะหักหลบ หรือมุมความป้าน ความนูนหัวถัง ในจุดที่เริ่ม transition จากรูปทรงกระบอก ไปนั้น torispher จะมีมากกว่าเนื่องจาก มุมของ knuckle ที่น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด (รัศมี knuckle ต่างกัน เกินครึ่งหนึ่ง ของellipsoidal) จึงเป็นผลให้ ความต่อเนื่องในส่วนระยะโค้ง (arc) ellipsoidal มีมากกว่า มีความเป็นส่วนโค้งที่มากกว่า รวมไปถึง crown radius พวกเราพิจารณา 0.9D ใน ellipsoidal เมื่อเทียบกับ 1D ใน torispher ณ ตำแหน่งที่ transition ระหว่าง crown กับ knuckle เห็นได้ชัดเจนว่า ellipsoidal มีความเป็นส่วนโค้ง/ความ smooth ที่มากกว่า
หากพิจารณา ที่ความหนาเดียวกัน เท่ากัน รับแรงดันในส่วน internal pressure เหมือนกัน พวกเราเดากันได้ไม่ยากแล้วใช่หรือไม่ครับ แน่นอนว่า ellipsoidal มีความสามารถในการรับแรงที่ดีกว่านั่นเอง หากเราเปรียบเทียบที่เงื่อนไข ความหนาเดียวกัน (ส่วนตัว ผู้เขียนที่พบ บ่อยครั้งที่ Torispherical head มักนิยมใช้ สำหรับพวกแรงดัน ไม่เกิน 15 kg/cm2 ถ้าเกินนี้ จะขยับไปเป็น ellipsoidal head เสียเป็นส่วนใหญ่)
Torispherical head ก็มีข้อดี ไม่ใช่ไม่มี ในการออกแบบ พวกเราต้องพิจารณาถึง factor หลายๆค่า หลายๆอย่างครับ ข้อดีของ torisphere ที่เห็นได้ชัด น่าจะเป็นเรื่องของ ขนาดทางกายภาพ รวมถึงการขึ้นรูป (forming) ที่ง่ายกว่า การขึ้นรูปของ ellipsoidal อันเนื่องมากจาก โดยพื้นฐาน torisphere มาจากการขึ้นรูปของ แผ่น dish (แผ่นจาน, แผ่นกลม) ที่ fix ในส่วนของรัศมี crown radius ที่ 1 เท่า Diameter หรือ Rcr = 1.0D หากเปรียบเทียบกับ ellipsoidal ที่มี Rcr = 0.9D โดยพวกเราจะเห็นว่า ในบางครั้ง เวลาเราไปสนทนา กับเพื่อนชาวยุโรป มักนิยมเรียก torispherical head ว่า Flang and dish head (หรือ F&D Head) ก็ไม่ผิดแต่ประการใด รวมไปถึง ขนาดความสูง (ของหัวถัง) ที่สั้นกว่า ที่เป็นผลให้ เมื่อนำมาประกอบกับในส่วนตัวถังแล้วนั้น เป็นผลให้ ความยาวรวมของ vessel คือ ความยาวรวมทั้งหมด มีขนาดที่สั้นกว่า เมื่อเทียบกับ ขนาดถัง diameter เดียวกัน ในแบบ ellipsoidal head (ความยาวรวม total length จากหัวถัง ถึง หัวถึง) อันเป็นสาเหตุหลัก มาจาก DH ที่ต่ำกว่านั่นเอง(ellipsoidal ค่า DH = D/4, ส่วน torispher DH < D/4) ดังนั้นจะเห็นได้ว่า factor ในการออกแบบ ต้องพิจารณาหลายๆปัจจัยนะพวกเรา วิศวกรต้องมานั่งคิด แล้วก็คิด จับตำรา+ทฤษฎี+หน้างานจริง มารวมกันให้ได้คำตอบ โดยเมนหลักเรายังคงอยู่ที่ ความสามารถในการรับแรงดัน เป็น factor ลำดับต้นๆ ก่อนที่จะแยกย่อยมาในลำดับถัดไป การ forming, production, cost หรือ ราคา และโดยรวมเงื่อนไขต้องผ่าน minimum requirement ของ Code เป็นอัน cover นั่นเอง |
a) Hemisphere b) 2:1 ellipsoidal c) torispherical head
|
Hemispherical head : คือหัวถังประเภท สุดท้าย (vessel head) ที่เราขอกล่าวถึงในหัวข้อนี้ hemispherical head จัดอยู่ในประเภท จัดอยู่ในประเภท pressure on the convex side (minus head) เช่นเดียวกันกับ conical, torisphere และ ellipsoidal head โดยความสามารถในการรับแรงดัน ถือว่า เป็นที่สุดของแจ้ คือดีที่สุดว่าอย่างนั้น เนื่องจากรูปทรงที่เป็นครึ่งวงกลม (ครึ่งลูกบอล) ตามชื่อ stress หรือ แรงกระทำ ณ ตำแหน่งใดๆ บนหัวลูกบอล มีค่าเท่ากันหมด stress = PR/2t โดยหากพิจารณา stress เทียบกับลักษณะของ หัวถัง ประเภท torisphere และ ellipsoidal แล้ว stress ที่เรานำมาพิจารณา จะมีค่าที่ต้องพิจารณาทั้งในส่วนของตัว crown และส่วน knuckle (โดยรูปทรงที่ไม่ symmetry จะพิจารณาค่า stress ที่เพิ่มขึ้นมา มีทั้ง meridional stress และ latitudinal stress: ขอกล่าวในลำดับถัดไป) ต่างจาก hemisphere คือ รัศมี R มันคงที่
ดังนั้น เมื่อพวกเราเห็นว่า การกระจายแรง ในทุกจุดของ hemisphere มีค่าเท่ากัน เราจะพบอะไรครับ ง่ายต่อการออกแบบ (แต่ไม่ง่ายในการ forming) สูตรเดียวจบเลย thickness requirement แรงทุกจุดมีค่าเท่ากัน รวมไปถึงความหนาออกแบบ เมื่อเทียบกับหัวถังประเภทอื่นๆข้างต้น hemispherical จะมีความหนาที่ต่ำที่สุด(เมื่อเทียบขนาด ความสามารถในการรับแรงดัน ที่แรงดันเท่ากัน, diameter ตัวถังเท่ากัน) ความหนา หรือ thickness ในการออกแบบ สามารถเป็นไปได้ถึง ครึ่งหนึ่ง(หรือ ครึ่งเท่า ของความหนา shell) ประหยัดค่าวัสดุไปได้เยอะสิครับ น้ำหนักถัง หรือ fabrication weight ก็ลดลงตามไปด้วย จึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงสำหรับแรงดัน(สูง) > 25 kg/cm2 ขึ้นไป (โดยทั่วไป-Code ไม่ได้กำหนด นายช่างกำหนด)
ดังนั้น เมื่อพวกเราเห็นว่า การกระจายแรง ในทุกจุดของ hemisphere มีค่าเท่ากัน เราจะพบอะไรครับ ง่ายต่อการออกแบบ (แต่ไม่ง่ายในการ forming) สูตรเดียวจบเลย thickness requirement แรงทุกจุดมีค่าเท่ากัน รวมไปถึงความหนาออกแบบ เมื่อเทียบกับหัวถังประเภทอื่นๆข้างต้น hemispherical จะมีความหนาที่ต่ำที่สุด(เมื่อเทียบขนาด ความสามารถในการรับแรงดัน ที่แรงดันเท่ากัน, diameter ตัวถังเท่ากัน) ความหนา หรือ thickness ในการออกแบบ สามารถเป็นไปได้ถึง ครึ่งหนึ่ง(หรือ ครึ่งเท่า ของความหนา shell) ประหยัดค่าวัสดุไปได้เยอะสิครับ น้ำหนักถัง หรือ fabrication weight ก็ลดลงตามไปด้วย จึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงสำหรับแรงดัน(สูง) > 25 kg/cm2 ขึ้นไป (โดยทั่วไป-Code ไม่ได้กำหนด นายช่างกำหนด)
Hemispherical head แบบ welded head ชนิด multi pieces
|
ข้อดีมีแล้ว มาดูข้อไม่ดี(ข้อเสีย) กันสักนิด ที่เห็นชัดๆเลย ลำดับต้นๆเลย พวกเราเดาออกแน่นอน คือ การขึ้นรูป หรือ forming ยิ่งขนาด diameterใหญ่ การ forming ก็จะยิ่งลำบากในการทำ เช่นเดียวกัน กับขนาดของความหนา ที่หากมีส่วนความหนาเพิ่มมากขึ้น ก็จะเพิ่มความยากในการ forming เช่นเดียวกัน (ทั้ง hot work และ cold work เหมือนกันครับ วิศวกรต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายตรงจุดนี้ด้วย) โดยพวกเราจะเห็นได้ว่า ส่วนใหญ่ หัวถังแบบ hemispherical ที่มีขนาด diameter ใหญ่ๆ (D > 1.0 เมตร) เราจึงมักพบว่า ในการผลิตหัวถัง จะมาจากการประกอบโดยการเชื่อม ของหลายชิ้นส่วน หลาย part (แทนที่การขึ้นรูป แบบชิ้นเดียว-single piece) เพื่อให้ง่ายต่อการผลิตนั่นเอง โดยหัวถัง hemisphere ลักษณะนี้ เราจะเรียกว่าเป็น welded head (คือมีส่วนประกอบ มาจากงานเชื่อมที่เป็น multi piece เป็นหลัก เนื่องจาก factor ทางด้านค่าใช้จ่าย ในการ forming ของหัวถัง รวมถึงข้อจำกัดทางด้าน fiber elongation ของ single piece ที่ขึ้นกับการออกแบบ/geometery นั่นเอง ผู้ออกแบบต้องเข้าใจวัสดุ พอสมควร ตรงจุดนี้) |
อีกทั้ง ASME ค่อนข้างจะให้ความสำคัญ ให้น้ำหนักไปที่ hemispherical head ตรงที่ มันบางกว่าจุดอื่นๆ (thickness) เลยเป็นผลให้ ถูกจับตามากเป็นกรณีพิเศษ หากพวกเราสังเกตดู จะพบว่า circumferential weld joint ระหว่าง หัวถัง กับ ตัวถัง จะมีเพียงกรณีเดียวที่ ASME code กำหนดให้เป็น Category A คือ กรณีของหัวถังแบบ Hemispherical head (ต่างจาก torispherical/ellipsoidal head ที่เป็น Category B) ดังนั้น ท่านหลีกเลี่ยงตรงจุดนี้ไม่ได้ เพราะ make sense ที่ว่ามันบางกว่า ASME กำลังจะเล่น ในส่วนของการตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อความมั่นใจ ในเฉพาะกรณีนี้ คือ ท่านต้องทำ Full radiography ในกรณี Category A ตาม UW-11 (a) (5) เสียเงินเพิ่มแล้วครับ ทีนี้การออกแบบ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการขึ้นรูปแบบ multi pieces ของพวกเราก็ต้องมาดูกันอีก ว่าจะให้มันมีกี่ชิ้นใน ส่วนหัวงานเชื่อมที่เกิดขึ้น เพราะท่านจะโดน full radiography แล้วนะ วิศวกรก็ต้องมานั่งเทียบกันแล้วครับ ค่าวัสดุ(เนื้องานในส่วนหัว) ที่ลดลงไป กับค่า RT ที่เพิ่มขึ้นมา ขนาดเท่าไหร่ ถึงจะคุ้มค่ามากกว่ากัน
*** ยิ่ง diameter หัวถังใหญ่ – ยิ่งชิ้นส่วน multi pieces มาก – ความยาวแนวเชื่อมเพิ่มมากขึ้น – ค่าตรวจสอบเพิ่มมากขึ้น
หากเปรียบเทียบ torisphere/ellipsoidal head ชนิดที่เป็น 1 piece หรือ ไม่ใช่ welded head เราก็จะพบว่า ASME ให้ความสำคัญ ในลำดับที่รองลงมา เป็น Category B โดยถ้าดูตามเกมแล้ว required thickness มันหนา เกือบจะเป็นเท่าตัวของ hemispherical head อีกทั้ง ตัวชิ้นงานยังเป็นการขึ้นรูปแบบชิ้นเดียวมาเลย ASME จึงให้ดีกรี ความเคี่ยว ตอนที่เรานำมา fab ในส่วนของ circumferential weld joint ระหว่าง หัวถัง กับ ตัวถัง ให้เป็น spot radiography ก็ได้ (ตาม UW-11 (a) (5) (-b) นั่นเอง) หรือ ทำ full radiography ก็ไม่ผิดกติกา ตรงนี้ ค่อนข้าง make sense พอสมควรครับ
ข้อเสียเปรียบ ที่เห็นได้ชัด อีกประการของ hemispherical เมื่อเทียบกับ torisphere/ellipsoidal head ที่มองเห็น โดยรูปร่างทางกายภาพ คือ ขนาดของความสูง (ของหัวถัง) ที่ยาวกว่าในหัวแบบ hemisphere ที่เป็นผลให้ เมื่อนำมาประกอบกับในส่วนตัวถังแล้วนั้น เป็นผลให้ ความยาวรวมของ vessel คือ ความยาวรวมทั้งหมด มีขนาดที่ยาวกว่า เมื่อเทียบกับ ขนาดถัง diameter เดียวกัน ในแบบ torispher/ellipsoidal head (ความยาวรวม total length จากหัวถัง ถึง หัวถึง มากกว่า) นั่นเองครับ-แต่ตรงนี้ ผู้เขียนมองว่าเป็นปัจจัยรองมากกว่าครับ
*** ยิ่ง diameter หัวถังใหญ่ – ยิ่งชิ้นส่วน multi pieces มาก – ความยาวแนวเชื่อมเพิ่มมากขึ้น – ค่าตรวจสอบเพิ่มมากขึ้น
หากเปรียบเทียบ torisphere/ellipsoidal head ชนิดที่เป็น 1 piece หรือ ไม่ใช่ welded head เราก็จะพบว่า ASME ให้ความสำคัญ ในลำดับที่รองลงมา เป็น Category B โดยถ้าดูตามเกมแล้ว required thickness มันหนา เกือบจะเป็นเท่าตัวของ hemispherical head อีกทั้ง ตัวชิ้นงานยังเป็นการขึ้นรูปแบบชิ้นเดียวมาเลย ASME จึงให้ดีกรี ความเคี่ยว ตอนที่เรานำมา fab ในส่วนของ circumferential weld joint ระหว่าง หัวถัง กับ ตัวถัง ให้เป็น spot radiography ก็ได้ (ตาม UW-11 (a) (5) (-b) นั่นเอง) หรือ ทำ full radiography ก็ไม่ผิดกติกา ตรงนี้ ค่อนข้าง make sense พอสมควรครับ
ข้อเสียเปรียบ ที่เห็นได้ชัด อีกประการของ hemispherical เมื่อเทียบกับ torisphere/ellipsoidal head ที่มองเห็น โดยรูปร่างทางกายภาพ คือ ขนาดของความสูง (ของหัวถัง) ที่ยาวกว่าในหัวแบบ hemisphere ที่เป็นผลให้ เมื่อนำมาประกอบกับในส่วนตัวถังแล้วนั้น เป็นผลให้ ความยาวรวมของ vessel คือ ความยาวรวมทั้งหมด มีขนาดที่ยาวกว่า เมื่อเทียบกับ ขนาดถัง diameter เดียวกัน ในแบบ torispher/ellipsoidal head (ความยาวรวม total length จากหัวถัง ถึง หัวถึง มากกว่า) นั่นเองครับ-แต่ตรงนี้ ผู้เขียนมองว่าเป็นปัจจัยรองมากกว่าครับ
บทสรุป หัวถัง (vessel head) ไม่มีถูก ไม่มีผิด ไม่มีฟันธง ว่าขนาด diameter เท่านี้ ต้องใช้หัวถังแบบไหน หรือ ขนาดแรงดัน internal pressure เท่านี้ ต้องให้หัวถังเป็นลักษณะไหน ตรงนี้ไม่ระบุชัดเจน ทั้งในส่วนตัวผู้เขียน และอีกทั้ง ASME code ก็ไม่ได้ ระบุ กำหนดชัดเจน เพียงแต่เป็น ข้อกำหนดในการออกแบบ ทางด้านเงื่อนไขทางด้าน geometry ของวัสดุ(อันนี้ ASME code กำหนดชัดเจน)
ดังนั้น พวกเรา พอได้แนวทาง พอได้ Idea สำหรับหัวถัง อย่างคร่าวๆแล้วนะครับ ที่พวกเราพบเห็นบ่อยๆ คงไม่หนี 4-5 แบบนี้เสียเท่าไหร่ สำหรับ part หน้า ผมจะขอเจาะลึก ในส่วนการวิเคราะห์ความเค้น หรือ stress analysis ในส่วน pressure part เน้นไปที่หัวถัง และ ตัวถัง ตามลำดับ(เพิ่ม ดีกรีความยาก ขึ้นมาอีกสักนิด) โดยในตอนนี้ part นี้ ผมอยากให้พวกเราทบทวน เน้นความเข้าใจในลักษณะ การออกแบบของหัวถัง แต่ละประเภท อย่างชัดเจน และแม่นยำครับ ณัฐพงศ์ ไชยสิทธิ์
วุฒิวิศวกรเครื่องกล วก.958 |
Pressure vessel ชนิดหัวถังแบบ Hemispherical head : ทำสี painting เรียบร้อยแล้ว วางเรียงกันแบบนี้ น่ารักมากๆเลยครับพวกเรา ^_^
|